ความทรงจำ เป็นแรงบันดาลใจของผมให้ทำงานงานนี้ขึ้น มา
เริ่มจากรูปภาพเก่าๆของครอบครัว ที่เป็นสิ่งของเล็กๆน้อย แต่มันทำให้ผมนึกถึงอดีต ความทรงจำทั้งหมดในชีวิต
จากความสงสัยของผมที่คิดว่า ทำไมรูปภาพนิ่งๆ ทำให้ผมรู้สึกถึงความทรงจำอันมากมายที่แล่นอยู่ภายในหัว และ ภายในรูป หลาย
ๆรูป ทำให้ผมฉุกคิดว่าตัวผมประกอบขึ้นด้วยอะไร
มันเริ่มทำให้ผมใส่ใจ และเดินทางเข้าไป ในอดีตที่ทำให้เกิดปัจจุบัน ผมพยายามเก็บเกี่ยว และ สะสมทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับครอบครัว และมันทำให้ผมเริ่มเข้าใจอดีต และ ปัจจุบัน ที่วิ่งวนตามกาลเวลา อยู่รอบตัวของผม
ผมจึงอยากจะจำลองกาลเวลาทั้งหมด ทั้งอดีต และปัจจุบัน ขึ้นมาให้ผมเข้าใจ และให้คนอื่นที่ได้รับรู้ ได้เข้าใจความเป็นผม อะไรที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ และอะไรเกิดขึ้นในชีวิตส่วนตัวของผม
introdution
ผมเริ่มที่เก็บสะสมความทรงจำ จากสิ่งรอบตัวที่ผมสัมผัสได้ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และ สัมผัส
และพยายามที่จะ สื่อมันออกมาโดยไม่บิดเบือน สื่อมันออกมาอย่างตรงที่สุด และง่ายที่สุด
เริ่มจากการ ทดลองจากภาพถ่าย ไปจนถึง การรวม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผม สะสม มาตลอดเวลาของการresearch และ observe ครอบครัวตัวเอง ทั้งความเป็นจีน ความคิด การสั่งสอน รวมไปถึง สิ่งที่คนแต่ละคนในครอบครัวผม ทำอยู่ทุกๆวัน
สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดชิ้นงานนี้ขึ้นมา เป็นงานวีดีโอ ความยาว 18 นาที ที่บอกเรื่องราวผ่าน layer ของชีวิตแต่ละคน ในครอบครัว และ documentary sound ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน
ซึ่งตอนแรกผมคิดว่ามันคงเหมือนเดิม และ มันเป็นอะไรที่รู้อยู่แล้ว แต่ผมกลับได้รับ ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัส รวมไปถึงเข้าใจความเป็นปัจจุบันมาขึ้น โดยที่ไม่ต้องนั่งถามตัวเองว่า ทำมันเป็นแบบนี้ ผมจึงเรียกงานๆนี้ว่า DUTY OF TIME ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเวลาที่ทำให้เกิด หน้าที่ของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นใคร และทำให้ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ
research
ภาพถ่ายเก่าๆ ของครอบครัว ทำให้ผมอยากที่เข้าใจความเป็นรูปภาพมายิ่งขึ้น จากการคิดของผมเอง ผมคิดว่า กล้องถ่ายรูป มันเป็นเหมือนเครื่องมือทีสามารถแช่แข็ง สถานการณ์ เอาไว้เป็นรูปถ่าย และมันจะละลายเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อผมกลับมาดูรูป
การคิดและการหาmaterials ต่างๆมาทำงาน นั้นทำให้ผมได้คุยกับแม่มากขึ้น และ ทำให้ผมได้พบกับความทรงจำที่ผมจำไม่ได้ตั้งแต่ยัง แบเบาะ เล่าผ่านรูปภาพขนาด 4*6 เล็กๆ 2-3 ภาพเป็นเวลา 2 ถึง 3 ชั่วโมง รูปภาพที่มีแค่รูปแม่ ยิ้มให้ลูกอยู่ หรือว่า รูปเค้กวันเกิดของเด็กคนนึง มันมีเรื่องราวที่อยู่ภายในรูปนั้น เยอะมาก ผมจึงสงสัย ว่า ถ้าแม่ไม่ได้เล่าให้ผมฟัง ผมจะรู้สึกผูกพันกับรูปๆนี้ หรือจะเข้าใจ รูปๆนี้ไหม
ผมจึงอยากหาวิธีที่จะเล่าเรื่องหลังภาพ ให้คนเข้่าใจมันได้ทันที ผมจึงแบ่ง รูปที่ผมเลือกมา เป็นกลุ่มๆตาม ความรู้สึก และเขียนความรู้สึกหรือเรื่องราวภายในภาพทั้งหมด ลงบนสมุด และ post it
แต่มันทำให้ผมคิดว่า ถ้าเราใส่คำบอกเล่านี้ไว้ บนภาพโดยตรง ทุกคนจะได้สามารถ รับรู้ทุกสิ่งที่ผม กำลังคิดกับรูปๆนึง
ได้ส่งผ่าน ลงบนภาพ มันเป็นความทรงจำของแม่ ที่ถ่ายทอดมาให้ผม ตอนนี้มันคือความทรงจำของผมเหมือนกัน
figure1.2. เป็นเรื่องราวความรักของพ่อ ซึ่งไม่เคยแสดงออก เวลาปกติ เราไม่เคยถูกกันเลยด้วยซ้ำ แต่เค้กทำเองก้อนนี้
บวกกับ คำหวานที่พ่อบรรจงเขียนลงเป็นหน้าเค้ก ทำให้ผมคิดว่า เค้กที่เป็นกิจการของครอบครัวผม อาจจะเป็นตัวแทนความรักจากพ่อ
หรืออาจจะเป็นตัวแทนของตัวพ่อ
แต่ผมตระหนักได้ว่า ถ้าใช้สิ่งของเหล่านี้โดยไม่ทำอะไร ก็เท่ากับเหล่าเรื่องราวของตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น ผมจึงหาวิธีที่จะ ลดทอนความส่วนตัวของผมออกไป ผมจึงลอง di-cut subject ของรูปนั้นๆ ออก แล้วผมก็พบว่า มันเป็น stencil ของภาพ ที่ผมยังสามารถนึกถึง แต่ไม่ชัดเจนเท่าเดิม เหมือนทำให้พี้นที่ให้ได้คิดมากขึ้น
So that make me interesting in the places from the pictures. I went to my old house walk around in that place, everything there change and some new thing was replace on my old stuff.
But I found some stuff or some old thing still there.
Not only visual stuff that I got, but the ambience sound also the thing that can remind me about memory.
Then back to think how to use that stencil for made that satuation to being in this time, so I thought about function of stencil what it can do. I try to put the light on that stencil and it seem like projection of something, then I went to my old house agian and started to project my memory from many stencils that I made. And Take Vedio all the time I experiment. So it became to be this video visual and sound that I call Light of me.
Then next few week I went to my old house agian with projector for increase my work's scale and increase the quality also. In fact I record with vedio camera and still camera in the same time but still camera's result look better.
figure 3. For me stencils can represent person who have relation with it such as stencil of cake can be my father, etc. And every parts of this work also. I feel like they have the spiritaul of memory around that places, and the places were full with my memory.
figure 4.2. For this picture is about my mother and her believe.
figure 4.3. As I told before cake can represent to my father by his duty to overlap with his believe.
figure 4.6. The last one is a place that my grand pa and my father usually use to talk about everything including business. So I thought that this is conversation for us (me, my sis and my mom).
แล้วผมก็เกิดสนใจ อีกอย่างในครอบครัวคือ ความเป็นจีน แนวคิด การสั่งสอน ที่ส่งทอดกันมาตั้งแต่ อดีต และ มีผลต่อปัจจุบันเป็นอย่างมาก Aj, Soraya ได้แนะนำให้ผมศึกษาความเป็นจีนแท้ๆ จากหนังเรื่อง Still life by Jia Zhang-Ke ก่อน หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่บอกเล่าเรื่องราว ความจริงที่เหมือนความฝัน และบอกถึงแนวความคิดต่างๆนานา ที่ตรงกับ ปู่ และ พ่อ ที่เป็นคนจีน Generation 1 และ 2 ในมุมมองของผมซึ่งเป็น คนจีน generation ที่3
หน้าที่ ความไม่มีตัวตน ความเสียสละ ละทิ้งอดีต มุ่งหน้าสู่อนาคต นี่คือ keywords ที่ได้มาจากหนังเรื่องนี้ และล้วนคล้ายคลึงกับชีวิตจริงของ ปู่และพ่อ มากๆ ผมจึงคิดว่างานของผมเอง จะเล่าผ่านความจีนที่เป็นต้นกำเนิดตัวผมด้วย
figure 5. Then I started to do unconsciousness writing on my book for reflect myself I call it “Time-memory-duty-me” I got many statements of memory and photograph theory (my own thought) include my family and Chinese culture also such as
- Memory can be shared to any one and my memory can be your memory also.
- Memory is like ghost that follow us from behind all the time, and you can’t leave it.
- Photograph is the medium that can froze time and it can melt to made that situation was running again when you look at it.
- Duty is sacrifice is invisible
- Go forward don’t look back, leave memory behind
and then I used all of tecnuiqes and all of sound visual footages to create video for suggest my thought. I call it
"Duty and time"
TITLE : “Duty of time”
Name : “Nuntawat Jarusruangnil”
Duration : 18.00 mins
Statement :Memory is interested me. Time was passing by me all the time make every- thing be past, but recorder equipments can freeze and retain the time. I interesting in photograph because in my though this stuff is the container of frozen moment that can melt and also running around in my head. So I got that it is the one of five senses and other senses also can remind me too.
Then I started to collect everything even smell and sound, but I unconciously did the documentary of my family. So I feel something I never feel before and it make me understand more about my family by each person's activity. I desired to remind other people's memory by my collected stuff and along with sharing the story behind my memory.
Synopsis : “This film is started from memory behind thing, that make me observed and collected everything even smell of member in my family.
Activity of each people in family that was looping everyday can tell about the story behind their mind. In Chinese culture they believe in duty along with the period of time. What they do and what did for? it's away have a reason behind but they didn't say, supposing that you be stand still for a while let the time passing by and look at them carefully you can understand everything they did.”